How to วาดภาพสีน้ำให้น่าสนใจในสไตล์ The Starry Night

Level : Medium
เมื่อแรงบันดาลใจจากภาพ The Starry Night ชิ้นงานศิลปะเทคนิคสีน้ำมันของศิลปินระดับโลกอย่าง วินเซนต์ แวนโก๊ะ ถูกนำมาต่อยอดด้วยเทคนิคสีน้ำ สร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่กับภาพวิวทิวทัศน์ที่คุ้นตา อาจทำให้หลายคนเข้าถึงความงามของเทคนิคการแต้มสีที่เป็นเอกลักษณ์ของชิ้นงานนี้มากยิ่งขึ้น
ภาพ The Starry Night ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1889 ด้วยเทคนิคสีน้ำมัน ที่ถ่ายทอดภาพท้องฟ้าม้วนตัวเป็นก้นหอย ในลักษณะหมุนวน ประดับด้วยดวงจันทร์ และดวงดาวระยิบระยับ สำหรับการนำสไตล์การแต้มสีของภาพนี้มาใช้ต่อยอดนั้น เราเลือกใช้เทคนิคสีน้ำซึ่งเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน หาได้ง่าย ใช้เป็นชุดสีน้ำเรนาซองซ์ เนื้อสวย ละเอียด ให้สีสด และวัสดุหลอดเป็นลามิเนตมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ไม่รั่วซึม บีบใช้งานได้สะดวก เพื่อให้ได้งานสีน้ำที่สมบูรณ์ควรใช้คู่กับกระดาษวาดเขียนสีน้ำ เรนาซองซ์ ชนิดผิวหยาบ หนา 200 แกรม
สำหรับภาพนี้ความท้าทาย เรื่องของการลงสีจะต่างจากภาพต้นฉบับซึ่งเป็นเทคนิคสีน้ำมันซึ่งสามารถลงสีจากน้ำหนักสีเข้ม และระบายทับตามด้วยน้ำหนักสีอ่อนได้ แต่สำหรับเทคนิคสีน้ำ ซึ่งเป็นสีที่มีความโปร่งใส ทำให้ต้องลงจากน้ำหนักสีอ่อนไล่ไปหาน้ำหนักสีเข้ม

อุปกรณ์
1.สีน้ำเรนาซองซ์
2.กระดาษวาดเขียนสีน้ำ เรนาซองซ์ ชนิดผิวหยาบ หนา 200 แกรม
3.ดินสอดำ เรนาซองซ์
4.ยางลบ
5.พู่กันสีน้ำชนิดกลม เรนาซองซ์ เบอร์ 6,8,12
6.จานสี

Step 1
ตามตัวอย่าง ที่จะให้ลองฝึกวาดภาพ และฝึกเทคนิคการลงสี เลือกแบบสถานที่เป็นสถานที่ใกล้ตัว ศูนย์กลางกรุงเทพมหานครอย่าง “อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ”
ใช้ดินสอดำร่างโครงสร้างภาพขึ้นเค้าโครง ให้เห็นขอบเขตของชิ้นงานสำหรับการลงสีน้ำ และได้สัดส่วนของภาพที่สมดุล
เริ่มจากกำหนดสีโดยรวมของภาพ โดยการระบายน้ำลงบนพื้นกระดาษให้ทั่วด้วยพู่กันเรนาซองซ์เบอร์ 12 อุ้มน้ำได้ในปริมาณมากให้การระบายสีน้ำในพื้นที่ใหญ่ง่ายยิ่งขึ้น ผสมสีน้ำให้ได้สีตามตำแหน่งสีต่างๆที่ต้องการใช้ การเลือกใช้สีน้ำเรนาซองซ์ 4 สีหลักๆด้วยกันคือ สี Ultramarine ระบายลงบนพื้นที่ส่วนที่เป็นท้องฟ้า, Medium Yellow ใช้ในพื้นที่ของตัวอนุสาวรีย์และหลอดไฟ ส่วนพื้นที่โดยรอบที่เหลือ ใช้สี Crimson, Burnt Umber และUltramarine ผสมกัน การระบายสีน้ำในชั้นแรกนี้จะลงให้น้ำหนักสีอ่อนที่สุดเพราะต้องเว้นพื้นที่ของตำแหน่งที่สว่างที่สุดในภาพไว้ด้วย

Step 2
มาถึงขั้นตอนสำคัญที่จะได้ลองใช้เทคนิคการแต้มสี ในสไตล์ The Starry Night เลือกใช้สี Ultramarine กับพื้นที่ส่วนท้องฟ้า โดยเริ่มจากการไล่แต้มสีจากสีอ่อน และค่อยๆปรับให้น้ำหนักของสีเข้มขึ้น ทั้งนี้ควรแบ่งพื้นที่ท้องฟ้าทั้งหมด ออกเป็นกลุ่มก้อนเมฆก่อนการลงสี และเว้นพื้นที่ส่วนของไฟส่องสว่างไว้

Step 3
เมื่อระบายแต้มสี Ultramarine ในพื้นที่ท้องฟ้าเต็มพื้นที่แล้ว เลือกใช้สี Crimson ระบายพื้นที่ท้องถนนแทนแสงไฟจากท้ายรถยนต์ที่วิ่งอยู่เต็มถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
การขยายพื้นที่ออกจะมีส่วนที่มีหลายสีซ้อนกันอยู่ในบางจุด ยกตัวอย่างเช่น จุดเชื่อมต่อระหว่างท้องฟ้าซึ่งใช้สี Ultramarine และท้องถนนที่ใช้สี Crimson ในกรณีที่สองพื้นที่มีหลายสี ให้นำสีน้ำทั้งสอง คือสี Ultramarine และสี Crimson ที่ใช้ในการระบายมาผสมกัน หลังจากนั้นให้แต้มกระจายไปใส่ที่ยังมีเว้นสีขาวไว้ ระหว่างแต้มสีให้สังเกตระยะการกระเจิงของสี เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สีที่แต้มลงไปใหม่รวมอยู่ที่จุดเดียว
ด้วยบรรยากาศของภาพเป็นเวลากลางคืนในจุดที่แสงเข้าไม่ถึงนั้นจะมองเห็นเป็นเพียงเงาเท่านั้น สำหรับจุดต่างๆ ที่เป็นเงานี้เราเลือกใช้สี Burnt Umber ระบายแต้มแทนสีดำ เพื่อความนุ่มนวลของน้ำหนักสีโดยรวมของภาพ

Step 4

เก็บรายละเอียดสุดท้ายเติมเต็มบรรยากาศยามค่ำคืน ด้วยแสงไฟโดยรอบของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เลือกใช้สีเหลือง Medium Yellow แต้มสีตามจุดรัศมีของดวงจันทร์ และแสงไฟส่องไปถึง ให้บรรยากาศยามค่ำคืนของภาพอิ่มเอมมากยิ่งขึ้น เพียงเท่านี้เราก็ได้ภาพวาดในสไตล์ลายเส้นการแต้มสี อย่าง The Starry Night ในอารมณ์ไทยแลนด์

งานศิลปะทุกชิ้นล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล
ถึงแม้ว่าเราจะวาดภาพออกมาลายเส้นไม่สวยเทียบเท่ากับศิลปินดังระดับโลก แต่เราก็ภูมิใจในชิ้นงานของตัวเองได้เช่นกัน