Level : Beginner
ภาพนี้ใช้สีอะไรดี ? เชื่อว่านี่จะเป็นหนึ่งคำถามยอดฮิตของมือใหม่นักวาดภาพแน่ๆ ไม่ว่าจะใช้เทคนิคสีประเภทไหน สุดท้ายแล้วการเลือกสีในการแต่งแต้มลงบนภาพผลงานนั้นค่อนข้างสำคัญ หากเลือกจับคู่สีดีช่วยดึงความน่าสนใจของภาพได้มากทีเดียว วันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการเลือกใช้สีเบื้องต้น เพื่อช่วยให้แต่ละคนมีความมั่นใจในการเลือกสีสำหรับระบายลงบนภาพผลงานให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
วงจรสี หรือทฤษฎีสีที่รู้จักกันดี เริ่มต้นจากพื้นฐานของ แม่สี 3 สี หรือสีขั้นที่ 1 คือ สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน เป็นสีที่สามารถนำมาผสมกันให้เกิดสีใหม่ได้อย่างมากมาย แต่ในขณะเดียวกันตัวแม่สีนั้น ไม่สามารถใช้สีใดผสมให้เกิดเป็นแม่สีทั้ง 3 ได้
มีสีขั้นที่ 1 แล้วก็ตามมาด้วยสีขั้นที่ 2 เป็นสีที่เกิดจากการผสมกันของแม่สีในอัตราส่วนเท่ากัน ทำให้เกิดสีใหม่ขึ้นอีก 3 สี คือ สีส้ม สีเขียว และสีม่วง
สีแดง + สีเหลือง = สีส้ม
สีเหลือง + สีน้ำเงิน = สีเขียว
สีน้ำเงิน + สีแดง = สีม่วง
หากดูจากในวงจรสีนั้น นอกจากสีขั้นที่ 1 และสีขั้นที่ 2 แล้ว ยังมีสีขั้นที่ 3 ที่เกิดขึ้นจากการผสมกันของสีขั้นที่ 1 และ 2 ในอัตราส่วนที่เท่ากัน ทำให้เกิดสีใหม่ขึ้นอีก 6 สี คือ ส้มแดง, ม่วงแดง, เขียวเหลือง, เขียวน้ำเงิน, ม่วงน้ำเงิน, ส้มเหลือง, เขียวน้ำเงิน, ส้มเหลือง
รู้พื้นฐานที่มาของสีแล้ว แต่จะนำไปใช้อย่างไรให้สวยงาม นั่นก็คือ หลักการเลือกใช้สีเป็นส่วนสำคัญที่สามารถนำไปปรับใช้กับทุกชิ้นงาน สำหรับหลักการเลือกใช้สีจากวงล้อสีนั้น มีอยู่ทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน
ข้อที่ 1 Analog Colors คือ การใช้สีที่อยู่ติดกันในวงล้อสี 2 หรือ 3 สี เช่น หากเลือกใช้สีเหลือง สีถัดไปที่ใช้สำหรับหลักการนี้ก็คือสีเหลืองอมส้ม และสีส้มซึ่งอยู่ถัดไปเป็นสีที่ 3
ข้อที่ 2 Complementary Colors คือ การใช้สีที่อยู่ตรงข้ามในวงล้อของสี เช่น สีแดงและสีน้ำเงิน
ข้อที่ 3 Triadic Colors คือ การเลือกใช้สีโดยมีรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าเข้ามาเป็นตัวช่วยเลือกสี 3 สีจากวงล้อสี เช่น หากด้านหนึ่งของสามเหลี่ยมชี้ไปที่สีน้ำเงิน ที่เหลืออีก 2 ด้านก็คือสีเหลือง และสีแดง
อธิบายครบทั้ง 3 ข้อแล้ว วันนี้เราจะมาเจาะลึกที่หลักการข้อที่ 2 Complementary Colors การจับคู่สีตรง
กันข้ามนำมาใช้ในงานศิลปะอย่างไรให้สวยงามลงตัว หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง ถึงการหลีกเลี่ยงการใช้งานคู่สีตรงกันข้าม เพราะเป็นสีที่มีค่าความเข้มที่ตัดกันอย่างรุนแรง ทำให้ภาพรวมของสีที่ออกมานั้นไม่สดใส แต่ใช่ว่าจะนำมาใช้ไม่ได้เลย หากเลือกใช้ให้ถูกสีที่ออกมาก็โดดเด่นดึงดูดความน่าสนใจได้มากทีเดียว เพียงเลือกใช้สีคู่ตรงกันข้ามตามนี้
แบ่งสัดส่วนการใช้สี 80 : 20 หลีกเลี่ยงการใช้สัดส่วนที่เท่ากัน
ผสมสีอื่นลงในสีตั้งต้นสีใดสีหนึ่ง หรือทั้ง 2 สี เพื่อลดความเข้มของสีลง หรือที่เรียกกันว่า “เบรกสี”
เพียงเท่านี้ คู่สีตรงกันข้ามก็สามารถอยู่ด้วยกันในภาพได้อย่างลงตัว เทคนิคสำคัญอีกอย่างที่ศิลปินใช้ในการเลือกสีให้เหมาะกับชิ้นงาน ซึ่งมีที่มาจากวงจรสีเช่นกัน นั่นก็คือ วรรณะของสี ที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 วรรณะด้วยกัน คือ
วรรณะร้อน เป็นสีที่อยู่ทางซ้ายของวงจรสีทั้งหมด คือ ม่วงแดง, แดง, แดงส้ม, ส้ม, ส้มเหลือง, เหลือง เป็นสีที่ให้ความร้อนแรง อบอุ่น และสนุกสนาน
วรรณะเย็น เป็นสีที่อยู่ทางขวาของวงจรสีทั้งหมด คือ เหลืองเขียว, เขียว, เขียวน้ำเงิน, น้ำเงิน, น้ำเงินม่วง, ม่วง แน่นอนว่าเป็นสีที่ให้ความรู้สึกเย็นสมชื่อวรรณะ คือ สดชื่น เย็นสบายตา
สำหรับวันนี้เราจะทดลองงาน จับคู่สีตรงกันข้ามด้วยเทคนิคสีน้ำ โดยเราจะเลือกใช้การจับคู่สี ที่อยู่ใกล้เคียง
กันแบ่งวรรณะของสีร้อน และสีเย็น อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือ สีน้ำเรนาซองซ์ ให้สีสด เนื้อสีสวยละเอียด พิเศษวัสดุหลอดเป็นลามิเนตมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ไม่รั่วซึม ใช้คู่กับกระดาษวาดเขียนสีน้ำ เรนาซองซ์ 200 แกรม รองรับงานสีน้ำคุณภาพเกรดอาร์ตติส และอุปกรณ์สำคัญอีกอย่างสำหรับเทคนิคสีน้ำที่ขาดไม่ได้เลย คือ พู่กันสีน้ำชนิดกลมเรนาซองซ์ รองรับการอุ้มน้ำได้ดี ขนแปรงอ่อนนุ่มสปริงตัวดี อุปกรณ์ครบแล้วคงอยากจะลงมือระบายสีน้ำกันแล้ว ไปชมคลิปกันเลยดีกว่า
อุปกรณ์
1.สีน้ำเรนาซองซ์
2.กระดาษวาดเขียนสีน้ำ เรนาซองซ์ ชนิดผิวหยาบ หนา 200 แกรม
3.ดินสอวาดเขียน เรนาซองซ์ HB
4.ยางลบ
5.พู่กันสีน้ำชนิดกลม เรนาซองซ์ เบอร์ 6,8,12
6.จานสี
Step 3
ระบายสีน้ำเติมรายละเอียดของภาพ โดยใช้น้ำหนักสีที่เข้มขึ้นอีกหนึ่งระดับ ในขั้นตอนนี้เราจะค่อย ๆ ผสมเพิ่มคู่สีที่กำหนดไว้เข้าไปทีละน้อย โดยสร้างเงา และเว้นพื้นที่แสงขาวไว้สำหรับทางแสงที่สว่างสุด
Step 4
เก็บรายละเอียดของภาพ โดยลงสีเน้นเงา ค่อยๆเพิ่มสีให้มีความเข้มที่มากขึ้น เติมความคมชัดของใบหน้า ดวงตา สีเงาของเสื้อผ้า เก็บรายละเอียดรอยยับ รอยพับ รอยจีบของผ้า ถัดมาเป็นส่วนของทรงผมวาดปอยเส้นผมที่ลงมากปรกหน้าเล็กน้อย เพื่อให้ภาพที่ดูสมจริงมากที่สุด
Step 5
เก็บรายละเอียดและเพิ่มสีน้ำให้มีความฟุ้งกระจายเพื่อความสวยงามที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นของภาพ ด้วยการลงเทคนิคสีเปียกบนเปียก ซึ่งแตกต่างจากในขั้นตอนที่ 1 สำหรับงานสีน้ำที่ต้องการความฟุ้งกระจายของสีนั้น เทคนิคเปียกบนเปียกเป็นเทคนิคเหมาะสมที่สุด เพราะสีน้ำจะกระจายตัวได้ดีบนกระดาษที่ชุ่มน้ำ ทำให้สีมีความฟุ้งกระจาย ทำให้ภาพมีมิติระยะมากขึ้น
เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอคอนเทนต์และโฆษณาที่ท่านอาจสนใจเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเราหากท่านใช้บริการเว็บไซต์ของเราต่อไปโดยไม่ได้ปรับการตั้งค่าใดๆ เราเข้าใจว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์ของเรา | ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม |
เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอคอนเทนต์และโฆษณาที่ท่านอาจสนใจเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเราหากท่านใช้บริการเว็บไซต์ของเราต่อไปโดยไม่ได้ปรับการตั้งค่าใดๆ เราเข้าใจว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์ของเรา | |
ยอมรับ เรียนรู้เพิ่มเติม |
Necessary cookies are absolutely essential for the website to function properly. This category only includes cookies that ensures basic functionalities and security features of the website. These cookies do not store any personal information.
Any cookies that may not be particularly necessary for the website to function and is used specifically to collect user personal data via analytics, ads, other embedded contents are termed as non-necessary cookies. It is mandatory to procure user consent prior to running these cookies on your website.